ดูหนัง ฟ้าสีเลือด

ดูหนัง ฟ้าสีเลือด

ดูหนัง ฟ้าสีเลือด

ดูหนัง ฟ้าสีเลือด สิ่งที่แวมไพร์ในเรื่องนี้เสมือนซอมบี้ก็คือการติดเชื้อในเหมือนกัน แค่โดนกัด หรือเพียงแค่รอยแผลถากๆก็สามารถติดเชื้อโรคเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ได้ในทันที ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าแนวหนังซอมบี้มันทรงอิทธิพลมากมายในตอนนี้ การที่ปรับให้แวมไพร์ติดโรคกันในทันทีแบบงี้มันมองลุ้นระทึกกว่า และก็ยังมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวครึ่งหนึ่งๆซอมบี้ก็ยังได้ แถมยังน่าสยดสยองกว่าด้วยที่แวมไพร์เร็วทันใจรวดเร็ว แข็งแกร่งกว่าซอมบี้มากมาย ฟ้าสีเลือด แต่หนังก็มิได้ทำให้นางเอกดูเป็นอมตะไล่ฆ่าพวกโจรได้อย่างง่ายๆโดยใส่ข้อบกพร่องเรื่องการใช้เลือดเพิ่มพลังเอาไว้ว่าต้องหาเลือดรับประทานเป็นช่วงๆถ้าเกิดบาดเจ็บก็อ่อนล้าลงทันที ต้องหาเลือดมากินใหม่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงนางเอกเอกก็ควรจะมียาช่วยข่มอารมณ์หรือปรับสภาพตอนที่เป็นแวมไพร์ด้วย (ยา Cytarabine ไว้รักษาโรคมะเร็งกะทันหัน) ไม่งั้นก็จะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์เพอร์เฟ็คที่ไล่ฆ่าคนไม่เลือก จำลูกตัวเองไม่ได้ กลายเป็นหายนะมากกว่าขโมยเข้าไปอีก แล้วก็ตัวเรื่องก็ยังเอาการติดเชื้อโรคตรงนี้ไปใส่ไว้กับพวกโจรด้วย ทำให้พักหลังของเรื่องเป็นการปะทะกันของแวมไพร์ที่พึ่งพิงเปลี่ยนร่างใหม่ๆมาไล่ฆ่านางเอกกับลูก และมีเป็นฝูงในตอนท้ายเรื่องที่ใกล้เคียงแนวหนังซอมบี้มากขึ้นไปอีก โดยหนังใช้ทุกส่วนของเครื่องบินทั้งลำเป็นฉากสยองขวัญในที่จำกัดได้อย่างคุ้มมาก

เรื่องราววุ่นวายของบ้านหลังนี้เกิดขึ้นเมื่อปู่เอ็ด ย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวของลูกๆถ้าว่าเขากลับมาแย่งห้องนอนสุดรักของหลานชาย พีท ทำให้พีทจำต้องระเห็ดไปนอนห้องใต้หลังคา นำพาซึ่งความรู้สึกว่าไม่ชอบใจมาสู่หลานชายคนนี้ พีทพากเพียรทำทุกๆอย่างเพื่อแกล้งให้ปู่ทนไม่ได้แล้วก็คืนห้องให้เขา ในขณะเดียวกันปู่เองก็อยากได้กำราบหลาานชายเหมือนกัน การสู้รบระหว่างปู่หลานจึงเริ่มขึ้น

เอาจริงเอาจังตัวหนังบทอ่อนมากมาย ก็แค่ท่ามกลางความไม่มีอะไรนี้มันก็มีการพูดถึงข้อความสำคัญที่น่าสนใจอย่างความไม่เหมือนกันของวัย พูดถึงมิตรและก็ศัตรูที่ถูกเปรียบถูกสอนแทรกสอดเข้ามาได้แบบแนบเนียนอยู่เช่นกัน คือหนังมันดูง่าย อบอุ่น บางทีอาจจะไม่ได้ขำขันเพราะเหตุว่ามุกของหนังไม่ได้ใหม่มาก

แต่ว่ามันก็มิได้ห่วยแตกอะไร เพลินๆไปกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในหนัง ยิ่งถ้าหากผู้ใดถูกใจโรเบิร์ต เดอ นีโร ที่ข้างหลังๆพวกเราติดภาพพ่อตาแสบ ปู่แสบไปแล้ว เรื่องนี้เขาเสมือนคาร์ลหรือปู่ซ่าใน UP มากมาย ฮ่าฮ่า เรื่องนี้คาแรคเตอร์เป็นแบบนั้นเลย ดูแล้วก็หายคิดถึงภาพลักษณ์ของเขาอย่างนี้ไปเช่นกัน

อ้อเกือบจะลืมเอ๋ยถึงเรื่องนี้ไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนพอเพียงมามองเห็นในจอสะดุ้งมากมายกับ อูม่า เธอร์แมน ที่ต้องมาเล่นเป็นแม่ในภาพยนตร์ตลกเจ็บตัวแบบงี้ ดูหนัง ฟ้าสีเลือด เซอร์ไพร์สและก็ประหลาดตามากมาย (แม้กระทั่งเคยผ่าน Movie 43 มาแล้วหลังจากนั้นก็เหอะ)ผู้ใดกันที่อยากหาหนังที่มองง่ายๆเพลินประเด็นนี้ตอบโจทย์มากมาย

เพียงอย่าไปมุ่งมาดว่าหนังหัวข้อนี้จะไปทางขำขันทั้งที่ยังไม่ตายสายเจ็บตัวหรือสายฮาก็ไม่ค่อยสุดเยอะแค่ไหน เพราะมุกในเรื่องนี่บางครั้งบางคราวถึงแม้ว่าจะมิได้ดูหนังเยอะแยะแม้กระนั้นเคยดูแนวนี้มาบ้างอาจจะเดาได้เลยว่าฉากต่อไปกำลังจะเกิดอะไรขึ้น เดามุกง่าย เพราะเหตุว่ามันมิได้ใหม่เลย

บางมุกออกจะเชยมากมายด้วยซ้ำ แม้กระนั้นสาระสำคัญของหนังเป็นความอบอุ่น ความระส่ำระสายของครอบครัวนี้มากกว่า ที่ทำให้หนังมองเพลิดเพลินจริงๆตอนหลังๆนี้หนังฟอร์มยักษ์เลื่อนหนีเกือบจะหมดแล้ว ด้วยเหตุนั้นนี่เป็นโปรแกรมดูสบายบรรเทาที่ไม่น่าเบื่อเลย แต่ว่าถ้าคาดหวังถึงหนังที่ซีเรียสมุ่งมั่นก็บางครั้งก็อาจจะไม่ตอบปัญหาเท่าไรนัก

เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวจิตวิทยาจากประเทศเกาหลีใต้

โครงเรื่องปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมาจากนิทานพื้นบ้านในสมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งเรื่องราวในนิทานเล่าถึงของ 2 ลูกพี่ลูกน้องที่ถูกแม่เลี้ยงรังควานจนตาย วิญญาณของพวกเธอก็เลยกลับมาล้างแค้น กำกับโดย คิม จี วูน ผู้ผ่านผลงานการควบคุมภาพยนตร์สยองขวัญเกาหลีมาแล้วมาก ทั้งยัง I Saw the Devil (2010), A Tale of Two Sisters (2003) และ The Good the Bad the Weird (2008)

Love You Forever เป็นหนังจากแดนมังกรที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมาจากนิยาย บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มที่ตกหลุมรักสาวคนหนึ่ง แต่ว่าข้างหญิงกลับจะต้องมาเจออุบัติเหตุจนถึงเสียชีวิต ดูหนัง ฟ้าสีเลือด ฝ่ายชายจึงย้อนเวลากลับไปเพื่อปรับแก้ไม่ให้เรื่องราวนั้นเกิดขึ้น แต่ว่าจำต้องแลกเปลี่ยนกับการที่คนที่เขารักจะจำเขาไม่ได้ รวมถึงไม่มีใครบนโลกสักคนทราบดีว่าเขามีตัวตนอยู่เลยแม้แต่น้อย ที่หนักไปกว่านั้นคือตัวเขาต้องแก่ลงไปกว่าเดิมอีกด้วย

เพียงแค่ดูตัวอย่างรวมทั้งเค้าเรื่องก็พอเพียงทายใจได้ว่านี่คือหนังรักน้ำเน่าแน่เลยแหละ แต่การไปดูหนังน้ำเน่าช่วงนี้ก็นับได้ว่าเป็นอะไรที่ไม่เลวเช่นกัน เนื่องจากหนังบล็อคบัสเตอร์ใหญ่ๆดังๆต่างก็เลื่อนหนีไปหมด แล้วก็ไม่ได้ดูหนังแนวนี้มานานแล้วล่ะนะ

ซึ่งหนังย้อนเวลาไปปรับแต่งเรื่องราวอะไรบางอย่างพวกเราก็ได้มองเห็นมาเยอะแยะแล้ว จำนวนไม่ใช่น้อยด้วย และก็ในหนังหัวข้อนี้ก็มิได้มีเรื่องราวที่แปลกใหม่หรือเซอร์ไพรส์อะไรพวกเราเลย มันคือหนังสูตรสำเร็จเรื่องนึงนี่แหละ ความน่าดึงดูดใจมันเลยตกไปพินิจพิเคราะห์อยู่ที่รายละเอียด

เนื่องจากว่าหนังบอกหลายช่วงอายุด้วย จึงทำให้เราผูกพันกับผู้แสดงได้ง่ายๆ และก็แต่ละช่วงอายุคาแรคเตอร์มูดแอนโทนก็แปรไป ทำให้เชื่อฟังไปได้อย่างง่ายๆและพร้อมจะติดตามเรื่องราวของทั้งคู่อยู่ตลอด แม้กระนั้นน่าเสียดายที่ส่วนโรแมนติกเอ่ย ดราม่าเอย โดยเฉพาะพาร์ทดราม่าเนี่ยแหละมันบิ้วได้ไม่ถึงจุดเลย ทั้งที่มันน่าจะขยี้ได้มากกว่านี้ มันไม่อาจจะส่งให้น้ำตาคลอได้ขนาดนั้น ถึงแม้เราจะเห็นพัฒนาการหรือเรื่องราวของนักแสดงมาตลอดก็ตาม บทมันไม่ส่งจริงๆ

อีกอย่างหนังยังมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่พอควร ในจุดเรื่องการจำได้ของนางเอก ยิ่งช่วงท้ายๆนี่ง่ายเกินความจำเป็นเลยทีเดียวแต่แนวทางที่เล่าเรื่องกับงานภาพนับว่าทำได้ดี ตัดสลับเรื่องในตอนนี้กับอดีตได้อย่างน่าดึงดูด เล่าได้ดิบได้ดีแล้วก็ชัดแจ้ง ไม่งงงวยลำดับเรื่องราวว่าระยะเวลาไหนเป็นสมัยก่อนขณะไหนคือตอนนี้ ในอดีตก็จะเป็นภาพสีสว่างผ่องใสภาพโทนร้อนหน่อยขนาดภาพเต็มหน้าจอ แม้กระนั้นพอเพียงตัดมาปัจจุบันจะติดโทนเย็นขนาดภาพก็จะกว้างขึ้น

จริงๆตอนจบหนังไม่น่าจะลงเอยแบบนั้น หากจบอีกแบบมันจะอินมากยิ่งกว่า และก็ความรู้สึกมันจะต่างไปมากกว่านี้มาก ซึ่งจริงๆหนังไม่ได้ผิดอะไรหรอก แค่มันจบไม่ถูกจริตพวกเราเฉยๆเพียงเท่านั้นคู่พระ-นางกำนัลเรื่องเล่นดีเลยล่ะ น่ายกยอสุดๆสวยด้วยการแสดง ด้วยคาแรคเตอร์ ดูแล้วอมยิ้มได้

เคมีทั้งสองคนเข้ากันแบบสุดๆโดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่สวมบทบาทนางเอกคืองามรวมทั้งสวยมากจริงๆยั่วยวนใจให้น่าชื่นชมตลอดเวลา รวมทั้งการแสดงของเธอก็เอาอยู่เสียด้วยสิ สิ่งที่คับข้องใจและขบขันๆนิดเดียวคงเป็นหน้าผู้แสดงนำชายตอนแก่ที่ดูเลียนแบบไปเสียหน่อยเพียงแค่นั้นแหละ (พระรองโคตรหล่อเลย หล่อกว่าผู้แสดงนำชายเยอะแยะ ด้วยเค้าหน้าแล้วก็ท่าทาง)

สรุปแล้ว Love You Forever เป็นหนังสูตรสำเร็จที่มองเพลินด้วยผู้แสดงนำฝ่าย เนื้อเรื่องไม่ได้แปลกใหม่ ทายใจง่าย แต่ก็ยังเล่าได้น่าสนใจและก็น่าติดตาม และก็เป็นหนังแนวที่ไม่ได้มองเห็นมาสักพักแล้วหละ ไปดูผ่อนคลายก็ไม่เสียหายเช่นกัน ปล. มีเพลงไทยเวอร์ชันจีนด้วย จังหวะนั้นเล่นเอายิ้มได้แบบไม่ทันรู้ตัวเลย ตลอดตัวเพลงและก็ภาพในเวลานั้น

จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง ‘หนังหักมุมในตำนาน’ ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงขนาด Dream Work Pictures ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในเวอร์ชันฮอลลีวูด ชื่อ The Uninvited แล้วก็ได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก มากำกับเองA Tale of Two Sisters ตู้ซ่อนผี เป็นเรื่องราวของ

ซูมี รวมทั้ง ซูยอน 2 พี่น้องบ้านพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชศาสตร์หลังกำเนิดโศกการละครปัญหาข้างในครอบครัว ข้างหลังกลับมาจากรักษาลักษณะการป่วยที่นาน คราวนี้พวกเธอจำเป็นต้องเจอหน้ากับ อึนจู เมียคนใหม่ของ มูฮุน ผู้เป็นบิดา

ซูมีตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต้านอึนจูอย่างมาก แต่ว่ากับ ซูยอน ซึ่งเป็นน้องที่อ่อนแอกว่า โดนภรรยาคนใหม่ทรมานสารพัดสารพัน จนถึงกับจับขังไว้ในตู้สำหรับเก็บเสื้อผ้า และยังมีเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้อยู่เรื่อยๆทำให้สองญาติพี่น้องมีสภาพจิตใจเสื่อมโทรมกว่าเดิม

สำหรับหนังเรื่อง A Tale of Two Sisters ตู้หลบซ่อนผี (2003)

เป็นหนังที่อยู่ในตอน Asian Horror Movies กำลังเดินทางมาแรงมากมายๆ(หนังไทยอย่าง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ก็ได้รับการพูดถึงแล้วก็นำไปสร้างใหม่ในเวอร์ชันฮอลลีวูดเช่นกัน) สำหรับ ตู้แอบซ่อนผี เป็นหนัง Horror/Drama ที่เล่นกับจิตใจผู้ชมได้อย่างร้ายกาจ

เป็นหนังสยองขวัญที่มิได้เล่าเป็นเส้นตรง และไม่ได้มีฉากตุ้งแช่สุรุ่ยสุร่าย ที่เมื่อเทียบเคียงกันกับบทภาพยนตร์ในสมัยนั้นแล้ว ถือว่าหัวข้อนี้มีบทที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ล้ำสมัยสมัย เนื้อหาลึกซึ้งกว่าบทหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆจนกระทั่งถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งอย่าง The Sixth Sense แล้วก็ The Others

ตู้ซ่อนผี มีจุดเด่นที่บท รวมทั้งมุกหักมุมอันเฉลียวฉลาด เป็นหนังสยองขวัญที่ไม่เน้นย้ำความน่าสยดสยองของผี แต่หนังบรรลุเป้าหมายสำหรับในการสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ เกือบ 90% ของเรื่อง เป็นฉากในบ้านที่ทำออกมาหลอนใช้ได้เลย ไซโคกันเก่งมาก เดินเรื่องได้น่าติดตามทุกซีน แล้วก็ชวนระทึกได้ตั้งแต่ต้นจนถึงนาทีสุดท้าย ถึงขั้นว่าหนังจบไปแล้ว แม้กระนั้นการเฉลยคำตอบเหตุของเรื่องเศร้าในเรื่อง ก็ยังชวนท้อใจไม่น้อย อารมณ์หนังจบคนไม่จบ

อาจไม่เหมาะ กับผู้ที่ตั้งมั่นจะดูหนังผีล่าหลอนโหดๆหรือ Jump Scare กันทุกอิริยาบท เพราะหัวข้อนี้ ผีออกน้อยมาก แม้กระนั้นย้ำบรรยากาศหลอนๆและก็การแสดงของสองญาติกับแม่เลี้ยง ดูหนัง ฟ้าสีเลือด ที่เอาจริงเอาจังๆเพียงนี้ก็อึดอัดไม่น่าเชื่อใจจะห่วยแตกแล้ว ตัวเนื้อหาของหนังมีความซับซ้อน ต้องอาศัยการสังเกตและก็ใช้ความคิดควบคู่กันไป ช่วงต้นเรื่องบางทีอาจจะทำความเข้าใจยากอยู่บ้าง แม้กระนั้นเมื่อเล่ามาถึงช่วงท้าย เรื่องราวก็จะคลี่คลายให้หายสงสัยกันได้เอง

A Tale of Two Sisters ตู้หลบซ่อนผี มีของดีอยู่ที่บท จัดว่าเป็นหนังจิตวิทยาสยองขวัญเกาหลีที่มีเรื่องราวรวมทั้งการเล่าซับซ้อน พล็อตคาดเดายาก เพราะว่าไซโคกันเก่งมากมาย มีความสยองขวัญแบบเย็นเยียบ แล้วก็บอกเลยว่าหนังมีทีเด็ดชุดใหญ่รอคอยเซอร์ไพร์สผู้ชมอยู่ เป็นอีกหนึ่งหนังสยองขวัญหักมุมในตำนาน ผู้ใดชอบพอแนวนี้ ขอเลย อย่าพลาด

Deliver Us From Evil หรือชื่อไทยเท่ๆว่า ให้มันจบที่เมืองนรก เกิดเรื่องราวของนักฆ่าฝีมือดีที่หวังจะล้มเลิกไปดำเนินชีวิตใหม่ แต่เขากลับโดนตามล่าด้วยญาติร่วมสาบานของแผนการที่เขาฆ่าอีก มิหนำซ้ำ เขายังต้องเดินทางมาไทยข้างหลังรู้ข่าวว่าคู่รักถูกฆาตกรรมและก็ลูกของเขาโดนลักพาตัวไป

นี่เป็นหนังแอ็คชันเกาหลีที่ทำรายได้มากยิ่งกว่า Peninsula เสียอีก ขึ้นอันดับ 1 บน Box Office ที่ประเทศเกาหลีเลยทีเดียวเอาจริงเอาจังๆแค่ชื่อหนังแปลไทยก็ซื้อพวกเราได้แล้ว 555 มันจะต้องมีฉากแอ็คชันมันๆโก้เก๋ๆแน่ๆ รวมทั้งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆฉากแอ็คชันแบบโหดเหี้ยม ดิบ ดุ

มันบางครั้งก็อาจจะมิได้มาแอ็คชันถี่จัดแบบ John Wick 3 แม้กระนั้นฉากแอ็คชันแต่ละฉากของมันโก้จริงๆบางฉากบางทีก็อาจจะเวอร์ไปหน่อย แต่ว่าระหว่างมองก็ยังคงมีเสียงก้องในหัวว่า “หรูว่ะๆๆๆๆ” อยู่บ่อยๆฉากแอ็คชันทำออกมาก้าวหน้าจริงแต่ว่าโชคร้าย ด้วยความที่แอ็คชันมันดิบขนาดนี้แล้ว ฉากแมงกัน ฉากฆ่า ฉากทรมาณ กลับหลบมุมกล้องถ่ายภาพ ตัดกล้องถ่ายรูปหนี บ้างอะไรทำนองนั้น

อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่หนังแอ็คชันจ้ะ มันยังคงมีใจความสำคัญอื่นๆให้จับต้อง ซึ่งเนื้อเรื่องเอาจริงๆมันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรเท่าไร พวกเราก็เห็นกันมาเยอะแล้ว กับนักฆ่าที่จะวางมือแต่ดันจำต้องไปเจอสถานะการณ์ที่ทำให้วางมือมิได้ แต่ว่าในหัวข้อนี้มันก็ยังคงมีความน่าดึงดูดใจอยู่ ถึงความดราม่ามันจะมิได้ขยี้มากมายราวกับหนังเกาหลีเรื่องอื่นๆก็ตาม เงื่อนสะสางผู้แสดงก็บางทีอาจจะน้อยลงไปเสียหน่อย แม้กระนั้นโดยภาพรวมแล้วมันก็ยังคงให้ความบันเทิง มองง่าย ไม่ซับซ้อน

กลับสู่หน้าหลัก https://cheers-ginza.com/