ฟ้าสีเลือด พากไทย

ฟ้าสีเลือด พากไทย

ฟ้าสีเลือด พากไทย

ฟ้าสีเลือด พากไทย จุดด้อยของเรื่องก็บางครั้งก็อาจจะเป็นที่เรื่องเลือกเอาตอนใกล้จบเครื่องลงจอดแล้วมาเป็นจุดเริ่มต้นเรื่อง ซึ่งในแง่การเล่าเรื่องย้อนกลับมันก็ทำให้ผู้ชมได้เห็นจุดระทึกท้ายที่สุดนำมาก่อนแล้วค่อยย้อนไปดูตัวการ อาจจะมองว่าดีก็ได้ แต่คิดว่าไม่ดีก็ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเรื่องเลือกเผยเลยว่าคนไหนกันคือคนรอดพ้นจากความตายตอนท้ายตั้งแต่ตอนแรก ทำให้กลางทางไม่มีลุ้นกับการเสียชีวิตของตัวละครหลักไปในทันที อีกจุดก็คือเมื่อตัวเรื่องเลือกเป็นแถวสยองขวัญผสมดราม่าแม่ลูก ในซีนดราม่าที่แม่ต้องแสดงความรู้สึกผ่านการแมคอัพใบหน้าเป็นแวมไพร์มันเลยดูอินยากกว่าธรรมดา รีวิว ฟ้าสีเลือด เพราะว่าแวมไพร์ในเรื่องก็ออกแนวอสูรกายไปเลย คือหัวโล้น หูแหลม มีเขี้ยวงอก ไม่ใช่แวมไพร์แบบหน้าตาเสมือนมนุษย์แบบที่หลายเรื่องใช้กัน แต่ว่าไม่ใช่ดาราแสดงไม่ดี (ผู้แสดงที่รับบทชื่อ Peri Baumeister ) แต่ว่ามันไม่สามารถที่จะทำเป็นแบบนั้นนอกจากใช้อิริยาบถการแสดงออกเป็นหลัก ไม่ค่อยพูดด้วยเพราะว่ากลายร่างแล้วไร้สติบ่อยครั้ง ซึ่งนี้ก็จัดว่าตัวเรื่องกับนักแสดงมานะสูงที่สุดแล้ว แม้กระนั้นดีที่ดาราเด็กส่งอารมณ์กลับมาได้ดี ทำให้พวกเรารู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงอันแน่นแฟ้นนี้อยู่ (ในเรื่องลูกรู้อยู่แล้วว่าแม่เป็นแวมไพร์และพากเพียรหาทางช่วยกับบอกคนอื่นเพื่อป้องกันแม่)

นี่เป็นหนัง Original Netflix ที่เค้าโครงเรื่องที่เยี่ยม รวมทั้งใช้ทั้งยังงบแล้วก็พื้นที่จำกัดได้อย่างคุ้มมากมายจริงๆกระทั่งน่าจะช่วยลบคำดูถูกว่าหนัง Netflix ทำเองมักไม่ดีลงได้เรื่องหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งจริงๆคนเขียนคิดว่าเน็ตฟลิกทำหนังทุนน้อยได้ตามระดับของมันมากกว่าดีบ้างห่วยแตกบ้างปนกัน เฉลี่ยจริงๆก็เท่ากับหนังโรงที่ผิดหวังก็เยอะ แต่บางครั้งก็อาจจะมิได้เข้าไทยให้ดูกันเท่านั้น (มาลงเน็ตฟลิกซ์ก็หลายเรื่อง) แต่ว่าเรื่องนี้ทุนน้อยกลับทำเป็นมากเกินคาดจนดูเป็นหนังลงโรงขายทั่วโลกเลยก็ยังได้ครับผม ซึ่งก็จัดว่าคุ้มกับการรับดูมากมายนะครับ

Memories of Murder การฆ่าสังหาร ความตาย รวมทั้งฝน หนังอาชญากรรมระทึกขวัญจากเกาหลีที่เป็นเหมือนผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับผู้ครอบครองรางวัลออสการ์อย่าง บง จุน โฮ จาก Parasite ในปี 2020 นะครับ

โดยตัวหนัง Memories of Murder การฆ่าสังหาร ความตาย รวมทั้งฝน นั้นได้จับเอาการจริงในตอนปี 1986-1991 ของคดีฆ่าข่มขืนที่สะเทือนใจที่สุดของเกาหลีมาดัดแปลงให้เป็นภาพยนตร์ขอรับ ฟ้าสีเลือด พากไทย โดยเหตุการณ์จริงในคราวนั้นมีคนเสียชีวิตถึง 10 รายด้วยกัน ซึ่งยังไม่สามารถที่จะปิดคดีได้ถึง 33 ปี และส่าสุดในปี 2019 ก็เพึ่งจะจับผู้ร้ายตัวจริงได้ครับผม คนไหนกันพึงพอใจความจริงนี้ต้องการหาข้อมูลเพิ่ม ให้พิมพ์ไปว่า “คดีการฆ่าตลอดฮวาซอง” ครับ

เอาล่ะมาเข้าเนื้อหาของหนังในวันนี้กันสิ่งแรกคือ บง จุน โฮ เป็นผู้กำกับและเขียนบทของหนังเรื่องนี้ ตามมาด้วยผู้แสดงคู่บุญอย่าง ซงกังโฮ จับคู่กับ คิม ซังคยูง ทั้งคู่รับบทบาทเป็นตำรวจสายสืบข้างในหนังเรื่องนี้ที่คอยไขคดีครับผม นอกจากยังมี คิม รอย ฮา , ซง แจ โฮ , บยอนฮีบง รวมทั้ง Seo-hie ko ร่วมแสดงในหนังหัวข้อนี้ครับผม

หนังจะเล่าถึงเมืองเล็กๆในเกาหลีใต้ที่มีฆาตกรต่อเนื่องออกอาละวาดไล่ฆ่า

กระทำชำเรารัดคอหญิงสาวแล้วเอากางเกงในของเหยื่อคลุมหน้าก่อนที่จะนำเครื่องใช้ยัดใส่ช่องคลอดกระทั่งเปลี่ยนเป็นคดีสุดสะเทือนขวัญไปทั้งประเทศ แม้กระนั้นตำรวจในท้องที่อย่าง สายสืบปาร์คโดมัน (ซงกังโฮ)และสายสืบโชยังกู (โร-ฮาคิม) กลับเลือกใช้แนวทางสุ่มจับผู้ต้องหามาหวังจะปิดคดีอย่างรวดเร็ว แต่แล้วทางกรมตำรวจกึ่งกลางก็ได้ส่ง นักสืบซอแตยุยงน (คิมซังคยูง) นักสืบชายหนุ่มไฟแรงจากเมืองโซลมาร่วมแสวงหาคนร้ายก่อนที่จะมีผู้รับเคราะห์รายถัดไป

นี่คือหนังอัตชีวประวัติที่เล่าในแบบอย่างสารคดีแบบเต็มสูบ มันคือการบอกกล่าวเรื่องราวของ Billie Holiday ผ่านผู้รายงานข่าวที่กำลังขุดคุ้ยเรื่องราวของคุณ แต่ก็จะต้องมาเสียชีวิตลงอย่างน่าสงสัยก่อนจะได้เปิดเผยความเป็นจริงนี้ให้โลกทราบ หนังหัวข้อนี้ก็เลยจับนำเทปบทสัมภาษณ์คนรู้จักกัน สหาย ญาติพี่น้อง ของ Billie กว่า 100 ชั่วโมง มาบอกเล่าให้เราฟัง และความเป็นจริงที่ชักชวนตะลึงงันและสุดช็อค

Billie เป็นนักร้องแจ๊สผิวดำโคตรประสิทธิภาพ เสียงดีแบบหาที่เปรียบมิได้ การได้ยินเสียงร้องของเธอในหนังเรื่องนี้เปี่ยมไปด้วยความทึ่ง รวมทั้งน่าพิศวง ฟ้าสีเลือด พากไทย พร้อมๆกันนั้นก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บที่เธอจำเป็นต้องเผชิญมา เพราะว่าหลายๆเพลงถูกแต่งมาจากเรื่องจริงอันน่าเวทนาของเธอ โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากที่ได้ยินเธอร้องเพลง Strange Fruit ฟังแล้วโคตรเศร้าสร้อย โคตรเจ็บปวด แค่เริ่มเพลงก็ปวดแล้ว “Sounthern trees bearing strange fruit blood on the leaves and blood at the roots”

และก็เรื่องราวข้อเท็จจริงของเธอที่เจอมาแต่ละอย่างที่โคตรน่าเห็นใจ โคตรน่าเห็นใจ เจ็บจริงๆการเป็นนักร้องผิวดำในตอนนั้น แบบไม่คิดเลยว่าคนหนึ่งคนต้องเจอเรื่องห่วยแตกๆมาชั่วชีวิตขนาดนั้น ตั้งแต่โดนขืนใจ เคยขายตัว สารเสพติด เกี่ยวพันกับผู้ชายคนไม่ใช่น้อยแต่ว่าหามีรักจริงไม่ จนถึงขั้นรัฐบาลตั้งตัวเป็นศัตรูเลยทีเดียว ทั้งสิ้นนั้นถูกพรีเซนเทชั่นให้เราได้เห็นหมด จนถึงขณะนี้ยังนึกไม่ออกเลยว่าความสุขของเธอมาจากไหนกัน และก็ที่สำคัญหนังยังช็อคคนดูด้วยการนำเสนอเรื่องราวคนที่พากเพียรตีแผ่ข้อเท็จจริงของคุณให้โลกได้รู้ด้วย

แต่ว่าถึงอย่างไรก็แล้วแต่มันเป็นสารคดีที่บอกเล่าไม่สนุก ไม่น่าสนใจ ไม่น่าติดตามมากแค่ไหน จริงอยู่ที่เรื่องราวของ Billie มันน่าดึงดูด แม้กระนั้นการนำเสนอสารคดีเรื่องนี้ทำได้ไม่ค่อยดีเลยจริงๆมันกลายเป็นเชื้อเชิญอยากนอนไปเลย

สรุปแล้ว ถ้าคนใดใคร่รู้เรื่องราวตีแผ่ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวเนื่องกับ Billie Holiday ก็สามารถเข้าไปมองได้ ถ้าเกิดสามารถทนความเป็นสารคดีเล่าแบบเรื่อยๆเปื่อยยุ่ยๆได้อะนะ

Memories of Murder การสังหาร ความตาย

รวมทั้งฝน บอกเลยว่าเป็นหนังอาชญากรรมที่มองบันเทิงใจมากมายอีกเรื่องหนึ่ง อีกทั้งบรรยากาศของหนังที่พาย้อนไปประเทศเกาหลีในช่วงนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ กับการเล่าเรื่องที่โคตรน่าติดตาม มีท่วงทีสำหรับในการเล่าบวกกับการผสมผสานระหว่างความระทึกขวัญของคดีฆาตกรรมเข้ากับความขำขันร้ายได้อย่างพอดีที่แบบ ไม่คิดว่าสองแบบนี้จะเข้ากันได้กับหนังแนวอาชญากรรมอย่างงี้ แต่ว่าหนังประเด็นนี้ก็ทำออกมาให้มองเห็นแล้วว่าสองอย่างที่ตรงกันข้ามกันดันเข้ากันได้มากมายๆในหนังประเด็นนี้

เท่านั้นยังไม่เพียงพอ หนังยังสามารถดึงผู้ชมให้จมอยู่ความมืดของคดีพร้อมกับสร้างความระทึกให้พวกเราลุ้นเกือบตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย การเล่าเรื่องของไต่สวนดีแล้วนะครับ มีทิ้งปมปัญหาต่างๆให้คนดูอย่างเราใจตามอีกด้วย เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากครับ

รวมทั้งการที่หนังเอาเรื่องจริงมาดัดแปลงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่แล้วใช่ไหม แม้กระนั้นดันถ่ายทอดออกมาแบบเพอร์เฟคอีกแบบไม่มีอะไรให้ติเตียนเลยขอรับกับหนังประเด็นนี้ ด้านตัวละครไม่ต้องเอ่ยถึงเลย แสดงเข้าถึงบทกันทุกคน แต่ว่าที่เด่นที่สุดคงจะไม่พ้นสองนักแสดงนำของเรื่องอย่าง ซงกังโฮ และก็ คิมซังคยูง ที่จะต้องปรบมือให้เลยขอรับ

Memories of Murder การสังหาร ความตาย และก็สายฝน หนังอาชญากรรมที่ผสมผสานไปด้วยความตลกขบขันร้ายของสังคมที่ไม่ควรจะเข้ากัน แต่กับลงตัวมากในหนังหัวข้อนี้ เนื้อหาน่าติดตามเชิญชวนคนดูลุ้นไปพร้อมกับไขคดีฆ่าขืนใจที่ฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลี

เรื่องราวของราฟาเอล และ โอลิเวีย วัยรุ่นที่พบรักกันตั้งแต่ทีแรกพบในตอนที่พวกเขายังเป็นนิสิต ความรักของเขาทั้งสองเบ่งบานจนกระทั่งสนับสนุนให้ชีวิตซึ่งกันและกันเติบโตและบรรลุเป้าหมาย พวกเขาแต่งงานและก็ดำเนินชีวิตคู่กัน แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขากลับไกลห่างกันเพิ่มมากขึ้น ไม่ดังเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งราฟาเอลที่ได้แปลงเป็นผู้เขียนมีชื่อเสียง ฟ้าสีเลือด พากไทย เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเมียตนเองอย่างเดิมตราบจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาบนโลกที่ผิดแผกไป โอลิเวียจำเขามิได้แล้วก็ชีวิตของเขาก็ไม่ดังเดิม ราฟาเอลจึงจำต้องทำทุกวิธีการเพื่อค้นหาชีวิตเดิม ทั้งยังเพื่อเมียของเขากลับมาหลงเสน่ห์เขาได้อีกครั้ง

หนังโรแมนติกเชื้อชาติประเทศฝรั่งเศสประเด็นนี้เป็นหนังที่ไม่เน้นย้ำฉากหวานเลี่ยน พูดน้อยมาก คำคมเยอะ แต่เน้นไปที่ฉากหรือพฤติกรรมที่แทงใจ โดนใจมาก โครงเรื่องโดยรวมบางครั้งอาจจะชินหูชินตาอยู่บ้างแม้กระนั้นด้วยเสน่ห์ของคู่พระนางที่น่าสนใจ ทั้งยังแทรกสอดเรื่องราวของมิตรภาพไว้ หนังหัวข้อนี้จึงเป็นหนังที่ไม่ได้บากบั่นจะโดดเด่นเพื่อจะเข้ามาอยู่ในใจเราเท่าไรนัก แต่มันจะค่อยๆซึมพวกอารมณ์ให้เราอินครั้งละนิด ทีละนิดจนกระทั่งรู้สึกตัวอีกที ก็เอาใจช่วยผู้แสดงนำชายไปเสียแล้ว

ในตอนหลังมานี้มีหนังแนวนี้น้อยมาก สำหรับผู้ใดที่เบื่อความโครมคราม ต้องการดูอะไรที่ย่อยไม่ยาก เข้าถึงอารมณ์ได้ง่าย แนะนำเรื่องนี้เลยขอรับ บางครั้งก็อาจจะมิได้มีความพิเศษจนกระทั่งกับตรึงใจมากมาย แต่มันก็ดูเพลิดเพลิน สบายหูสบายตาไปกับเคมีผู้แสดง ดนตรีประกอบ รวมทั้งแบ็คเกรียวกราวน์ความเป็นฝรั่งเศสไปตลอดทั้งเรื่อง

แม้จะมิได้ใหม่แต่มันก็เป็นการย้ำเตือนที่ดีมากทีเดียวให้เราไม่ลืมเลือนเอาใจใส่คนที่อยู่ข้างกาย เพราะว่าโอกาสที่สองบางครั้งอาจจะไม่ได้วนมาหาทุกคน (ใครกันแน่มีใจความสำคัญใกล้เคียงกับหนังอยู่นี่จี๊ดมาก) ผู้ใดกันที่เป็นคอหนังโรแมนติก อันนี้ของแรร์และของดีเลยครับผม ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

White God สี่ขาล่าปิดเมือง เป็นหนังน้ำดีจากฮังการี

ดูแลแล้วก็เขียนบทโดย Kornél Mundruczó ได้รับรางวัล Prize Un Certain Regard จาก เทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2014 แถมเจ้าตูบในเรื่องยังได้รับรางวัล Palm Dog Award อีกด้วย โดยทางผู้กำกับเผยออกมาว่า ในเรื่องใช้หมาถึง 274 ตัวจากศูนย์พัก ซึ่งจำเป็นต้องเทรนหมากันถึง 6 เดือนก่อนนำมาแสดง!! เป็นหนังที่ใช้บริการน้องหมาจำนวนมาก และเจ้าตูบกลุ่มนี้ก็ถูกทยอยรับไปเลี้ยงระหว่างการถ่ายทำ จนกระทั่งถึงบัดนี้ทุกตัวมีบ้านกันหมดแล้ว ซึ่งหนังหัวข้อนี้ถือเป็นหนังที่มีไอเดียน่าทึ่งจริงๆเพราะเป็นการนำสุนัขมารวมเป็นกลุ่มเพื่อเอาคืนมนุษย์และยึดเมืองปฏิวัติ…

White God เล่าถึงครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาครอบครัวหนึ่ง ที่บิดามารดาหย้าร้างกัน ทำให้ ลีลี่ (รับบทโดย โซเฟีย ชอตตา) เด็กหญิงวัย 13 ปี พร้อมสุนัขชนิด-ผสมชื่อ ฮาเก้น ต้องมาอยู่กับบิดาชั่วครั้งคราวที่เมือง Budapest โดยในเมืองนี้มีกฏหมายควบคุมหมาพันทาง พ่อของลีลี่ไม่ต้องการเพิ่มภาระให้ครอบครัว ก็เลยจะนำไปปล่อย ลีลี่ก็บากบั่นป้องกันหมาของเธออย่างสุดชีวิต แต่ว่าสุดท้าย ฮาเก้น ก็ถูกทิ้งเอาไว้ที่ข้างถนน เพราะว่าพ่อไม่อยากเสียภาษีตามกฏหมายควบคุมหมา

ชีวิตของ ฮาเก้น อีกทั้งระหกเร่ร่อน อีกทั้งโดนจับไปเป็นวัสดุทำมาหากินของคนไม่ดี จนกระทั่งหนีออกมาได้ ก็ถูกจับไปอยู่ในศูนย์กักกัน และก็ด้วยความมุ่งหวังที่มีนิดหน่อย ฮาเก้น พาเหล่าสุนัขข้างถนนที่ร่วมอยู่ร่วมกันหนีออกมาจากศูนย์กักกัน เพื่อเริ่มก่อกบฏและเอาคืนพวกมนุษย์!!!

GREENLAND คือหนังที่โศกสลดที่สุดในปีนี้….

ตอนต้นลังเลว่าดูเรื่องอะไรดีระหว่างเทสล่ากับกรีนแลนด์ แต่มองเห็นแค่โปสเตอร์หนังว่าเป็นเจอราร์ด บัตเลอร์แสดง โปสเตอร์หนังสวยๆอลังๆน่าจะเป็นแนวหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ฝ่าวิกฤตหนีตายดาวตกถล่มโลกอะไรประมาณนั้น เลยเข้าไปดู รวมทั้งเริ่มรู้สึกแหม่งๆก็มุมกล้องถ่ายภาพแปลกๆเฟรมภาพอึดอัดๆเพลงที่ไม่รื่นหูเหมือนหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์

เริ่มได้กลิ่นความ “หนังเกรดบี” ออกมาหน่อยๆตั้งแต่การแสดงใดๆก็ตามของนักแสดง การตัดต่อสำหรับการเล่าเอย ภาษาภาพเอย มันช่างบีกระทั่งแทบเสมือนหนังนักศึกษาฟอร์มยักษ์ประการใดอย่างนั้น จนถึงเริ่มรู้สึกชัดแจ้งว่านี่เรามิได้กำลังดูหนังฟอร์มยักษ์แบบที่เดวนย์ จอห์นสันหนีตายผสมกู้วิกฤตจากเภทภัยแผ่นดินไหวถล่มเมือง

หรือหนังหนีตายอย่างหนังฟอร์มยักษ์ 2012 หรือแนวกระเตงลูกเอาชีวิตรอดเล่าเรื่องได้เฉียบวิ้งแบบ Quite Place หรือTrain to Busan อะไรราวนั้น แต่นี่มันช่างเป็นหนังที่โซบี….เวรี่บีเสียอย่างยิ่ง ฟ้าสีเลือด พากไทย จะพูดว่าเป็นบีที่คัลท์เต็มไปด้วยแพชชั่นน่าติดตามราวกับ Evil Dead ก็ไม่ใช่ มันมองอึดอัดคละเคล้าอารมณ์เสียตรรกะความคิดของนักแสดงซึ่งคงจะมาจากบทที่ไม่ได้ทำให้เชื่อหรืออินตามขนาดนั้น กระตุ้นให้เกิดอารมณ์เวลามานะทำความเข้าใจเรื่องหรือตามตัวละครแบบ… “จริงดิ?” ,

“ไม่มั้ง…​ทำแบบนี้จริงๆหรอ” , “อย่าเลย…” อยู่ตลอดเวลา รวมทั้งซีจีก็ยิ่งเสียใจ ซึ่งจะกล่าวว่าเปรียบเทียบภาพยนตร์ไทยสมัยนี้ก็ยังไม่ติดเลย นาคีเอย…แสงสว่างกระสือเอย… ขุนอำนาจวาสนาเอ่ย…. จอมขมังเวทย์เอย… ขุนแผนดาบฟ้าฟื้นเอย…ล้วนทำซีจีได้ดีมากว่าเรื่องนี้มากมายๆยิ่งมองยิ่งท้อใจยิ่งโศกสลดยิ่งรำลึกถึงเรื่องเทสล่าว่าน่าจะดีมากยิ่งกว่านี้ไหมน้า…..คิดอยู่แบบงี้ตลอดระยะเวลา ถ้าเกิดจิตใจไม่รักหนังแนวบีๆอย่างงี้จริงๆอาจทนไม่ไหว(เหมือนกระผม) แม้กระนั้นถ้าเกิดผู้ใดกันหลงใหลหลงไหลเสพถึงก็เชื้อเชิญได้เลยครับผม น่าจะเอ็นหน้าจอยการได้ดูอะไรแบบนี้ในโรงภาพยนตร์ก็อาจฟินสะใจดี

กลับสู่หน้าหลัก https://cheers-ginza.com/